- Software = ชุดคำสั่งหรือโปรแกรม
- Hardware = อุปกรณ์เชื่อมต่อภายนอก
- Input unit = หน่วยรับเข้า
- Output unit = หน่วยส่งออก
- Main Memory unit = หน่วยความจำหลัก
- Secondary memory unit = หน่วยความจรอง
- Keyboard = แป้นพิมพ์
- Word = คำหรือคำศัพท์
- Ram = เก็บข้อมูลและโปรแกรม
- Online = การติดต่อ
- Upload = การโหลดข้อมูล
- Network = เครือข่าย
- Fax modem = โมเด็มที่ส่งแฟกซ์ได้
- Web Site = หน้าต่างของเนต
- Antivirus Program = โปรแกรมป้องกันไวรัส
- Computer System = ระบบคอมพิวเตอร์
- Information System = ระบบขอมูล
- Computer Network = ระบบเครือข่าย
- User = ผู้ใช้
- Account = บัญชีผู้ใช้
- USB = หน่วยเก็บข้อมูล
- net = แสดงเว็บของบริษัท
- Keyword = รหัสของบางโปรแกรม
- Multimedia = สื่อประสม
- Bus = การเชื่อมต่อเครือข่าย
- Browser = เป็นชื่อใช้เรียกซอฟต์แวร์
- Bug = ความผิดพลาดของคอม
- Database = ฐานข้อมูล
- CD-ROM = ตัวจัดการกับแผ่นต่างๆ
- Compact Disc = อุปกรณ์ประเภทแผ่น
- Mouse = เมาส์
- Light pen = ปากกาแสง
- Track ball = ลูกกลมควบคุม
- Joystick = ก้านควบคุม
- Scanner = เครื่องกราดตรวจ
- Touch screen = จอสัมผัส
- Control Unit = หน่วยควบคุม
- Rom = หน่วยความจำแบบอ่าน
- Diskette = แผ่นบันทึก
- Harddisk = ฮาร์ดดิสก์
- Magnetic Tape = เทปแม่เหล็ก
- Monitor = จอภาพ
- Printer = เครื่องพิมพ์
- Laser printer = เครื่องพิมพ์เลเซอร์
- Line printer = เครื่องพิมพ์รายบรรทัด
- Speaker = ลำโพง
- Microsoft Word = โปรแกรมเวิร์ด
- Microsoft Excel = โปรแกรมเอกเซล
- Microsoft PowerPoint = โปรแกรมเพาเวอร์พอยนต์
- Desktop = โปรแกรมเดสทอป
วันพุธที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2557
คำศัพท์คอมพิวเตอร์
ขั้นตอนการทำโครงงานคอมพิวเตอร์
ขั้นตอนการทำโครงงานคอมพิวเตอร์
1. คัดเลือกหัวข้อโครงงานที่สนใจ
2. ศึกษาค้นคว้าจากเอกสารและแหล่งข้อมูล
3. จัดทำเค้าโครงของโครงงาน
4. การลงมือทำโครงงาน
5. การเขียนรายงาน
6. การนำเสนอและแสดงโครงงาน
1. คัดเลือกหัวข้อโครงงานที่สนใจ
โดยทั่วไปเรื่องที่จะนำมาพัฒนาเป็นโครงงานคอมพิวเตอร์ มักจะได้มาจากปัญหา คำถาม หรือความสนใจในเรื่องต่างๆ จากการสังเกตสิ่งต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับระบบคอมพิวเตอร์ หรือสิ่งต่างๆ รอบตัว ปัญหาที่จะนำมาพัฒนาโครงงานคอมพิวเตอร์ได้จากแหล่งต่างๆ กัน ดังนี้
2. ศึกษาค้นคว้าจากเอกสารและแหล่งข้อมูล
การศึกษาค้นคว้าจากเอกสารและแหล่งข้อมูล ซึ่งรวมถึงการขอคำปรึกษาจากผู้ทรงคุณวุฒิ จะช่วยให้นักเรียนได้แนวคิดที่ใช้ในการกำหนดขอบเขตของเรื่องที่จะศึกษาได้เฉพาะเจาะจงมากยิ่งขึ้น รวมทั้งได้ความรู้เพิ่มเติมในเรื่องที่จะศึกษาจนสามารถใช้ออกแบบและวางแผนดำเนินการทำโครงงานนั้นได้อย่างเหมาะสม ในการศึกษาจะต้องได้คำตอบว่า
3. องค์ประกอบของเค้าโครงของโครงงาน
1.ชื่อโครงงาน
2.ประเภทโครงงาน
3.ชื่อผู้จัดทำโครงงาน
4.ครูที่ปรึกษาโครงงาน
5.ครูที่ปรึกษาร่วม
6.ระยะเวลาดำเนินงาน
7.แนวคิด ที่มา และความสำคัญ
8.วัตถุประสงค์
9.หลักการและทฤษฎี
10.วิธีดำเนินงาน
11.ขั้นตอนการปฏิบัติ
12.ผลที่คาดว่าจะได้รับ
13.เอกสารอ้างอิง
4. การลงมือทำโครงงาน
เมื่อเค้าโครงของโครงงานได้รับความเห็นชอบจากอาจารย์ที่ปรึกษาแล้ว ก็เสมือนว่าการจัดทำโครงงานได้ผ่านพ้นไปแล้วมากกว่าครึ่ง ขั้นตอนต่อไปจะเป็นการลงมือพัฒนาตามขั้นตอนที่วางแผนไว้ ดังนี้
5. การเขียนรายงาน
การเขียนรายงานเป็นวิธีการสื่อความหมายเพื่อให้ผู้อื่นได้เข้าใจแนวคิด วิธีดำเนินการศึกษาค้นคว้า ข้อมูลที่ได้ ตลอดจนข้อสรุปและข้อเสนอแนะต่างๆ เกี่ยวกับโครงงานนั้น ในการเขียนรายงานนักเรียนควรใช้ภาษาที่อ่านง่าย ชัดเจน กระชับ และตรงไปตรงมา ให้ครอบคลุมหัวข้อต่างๆเหล่านี้
6. การนำเสนอและแสดงโครงงาน
การนำเสนอและการแสดงผลงานเป็นขั้นตอนที่สำคัญอีกขั้นตอนหนึ่งของการทำโครงงาน เพื่อแสดงออกถึงผลิตผลความคิด ความพยายามในการทำงานที่ผู้ทำโครงงานได้ทุ่มเท และเป็นวิธีทำให้ผู้อื่นได้รับรู้และเข้าใจถึงผลงานนั้น การเสนอผลงานอาจทำได้ในหลายรูปแบบต่างๆ กัน เช่น การแสดงผลงานโดยไม่มีการอธิบายประกอบการรายงานด้วยคำพูดในที่ประชุม การจัดนิทรรศการโดยโปสเตอร์และอธิบายด้วยคำพูด เป็นต้น โดยผลงานที่นำมาเสนอหรือจัดแสดงควรประกอบด้วยสิ่งต่อไปนี้
2. ศึกษาค้นคว้าจากเอกสารและแหล่งข้อมูล
3. จัดทำเค้าโครงของโครงงาน
4. การลงมือทำโครงงาน
5. การเขียนรายงาน
6. การนำเสนอและแสดงโครงงาน
1. คัดเลือกหัวข้อโครงงานที่สนใจ
โดยทั่วไปเรื่องที่จะนำมาพัฒนาเป็นโครงงานคอมพิวเตอร์ มักจะได้มาจากปัญหา คำถาม หรือความสนใจในเรื่องต่างๆ จากการสังเกตสิ่งต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับระบบคอมพิวเตอร์ หรือสิ่งต่างๆ รอบตัว ปัญหาที่จะนำมาพัฒนาโครงงานคอมพิวเตอร์ได้จากแหล่งต่างๆ กัน ดังนี้
2. ศึกษาค้นคว้าจากเอกสารและแหล่งข้อมูล
การศึกษาค้นคว้าจากเอกสารและแหล่งข้อมูล ซึ่งรวมถึงการขอคำปรึกษาจากผู้ทรงคุณวุฒิ จะช่วยให้นักเรียนได้แนวคิดที่ใช้ในการกำหนดขอบเขตของเรื่องที่จะศึกษาได้เฉพาะเจาะจงมากยิ่งขึ้น รวมทั้งได้ความรู้เพิ่มเติมในเรื่องที่จะศึกษาจนสามารถใช้ออกแบบและวางแผนดำเนินการทำโครงงานนั้นได้อย่างเหมาะสม ในการศึกษาจะต้องได้คำตอบว่า
3. องค์ประกอบของเค้าโครงของโครงงาน
1.ชื่อโครงงาน

3.ชื่อผู้จัดทำโครงงาน
4.ครูที่ปรึกษาโครงงาน
5.ครูที่ปรึกษาร่วม
6.ระยะเวลาดำเนินงาน
7.แนวคิด ที่มา และความสำคัญ
8.วัตถุประสงค์
9.หลักการและทฤษฎี
10.วิธีดำเนินงาน
11.ขั้นตอนการปฏิบัติ
12.ผลที่คาดว่าจะได้รับ
13.เอกสารอ้างอิง
4. การลงมือทำโครงงาน
เมื่อเค้าโครงของโครงงานได้รับความเห็นชอบจากอาจารย์ที่ปรึกษาแล้ว ก็เสมือนว่าการจัดทำโครงงานได้ผ่านพ้นไปแล้วมากกว่าครึ่ง ขั้นตอนต่อไปจะเป็นการลงมือพัฒนาตามขั้นตอนที่วางแผนไว้ ดังนี้
5. การเขียนรายงาน
การเขียนรายงานเป็นวิธีการสื่อความหมายเพื่อให้ผู้อื่นได้เข้าใจแนวคิด วิธีดำเนินการศึกษาค้นคว้า ข้อมูลที่ได้ ตลอดจนข้อสรุปและข้อเสนอแนะต่างๆ เกี่ยวกับโครงงานนั้น ในการเขียนรายงานนักเรียนควรใช้ภาษาที่อ่านง่าย ชัดเจน กระชับ และตรงไปตรงมา ให้ครอบคลุมหัวข้อต่างๆเหล่านี้
6. การนำเสนอและแสดงโครงงาน
การนำเสนอและการแสดงผลงานเป็นขั้นตอนที่สำคัญอีกขั้นตอนหนึ่งของการทำโครงงาน เพื่อแสดงออกถึงผลิตผลความคิด ความพยายามในการทำงานที่ผู้ทำโครงงานได้ทุ่มเท และเป็นวิธีทำให้ผู้อื่นได้รับรู้และเข้าใจถึงผลงานนั้น การเสนอผลงานอาจทำได้ในหลายรูปแบบต่างๆ กัน เช่น การแสดงผลงานโดยไม่มีการอธิบายประกอบการรายงานด้วยคำพูดในที่ประชุม การจัดนิทรรศการโดยโปสเตอร์และอธิบายด้วยคำพูด เป็นต้น โดยผลงานที่นำมาเสนอหรือจัดแสดงควรประกอบด้วยสิ่งต่อไปนี้
วันพุธที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2557
ตัวอย่างโครงงาน
ชื่อ:ภราดรโซไซตี้
โดย:สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า ฯ เจ้าคุณทหารลาดกระบัง ปริญญาตรี คอมพิวเตอร์
บทคัดย่อ: เทคโนโลยีที่ถูกออกแบบมาเพื่อผู้พิการทางสายตา มีมากในปัจจุบัน เช่น Text to-Speech และSpeech Recognition เป็นต้น เทคโนโลยีดังกล่าวถูกออกแบบเพื่อให้มีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยให้ผู้พิการทางสายตานั้นได้มีชีวิตประจำวันที่ สามารถรับรู้ ค้นหาข้อมูลต่างๆ หากแต่ข้อมูลหรือความรู้ที่มีในปัจจุบัน ซึ่งพบใน Internet ส่วนมาก ยังคงเป็นข้อความ โครงการนี้ จึงพัฒนา ระบบการสร้างหนังสือเสียงออนไลน์Web-Based Sound Information
โครงงานนี้เป็นการนำเทคโนโลยี Web 2.0 และ Social Web มาสร้างระบบ Blog ที่ผู้ใช้งานแม้เป็นผู้พิการทางสายตาก็สามารถใช้งานได้ และระบบภราดรโซไซตี้ยังสร้าง Evolunteer เพื่อร่วมกันสร้างหนังสือเสียง โดยใช้เทคโนโลยี Applet ที่ใช้สามารถใช้งบันทึกเสียงความรู้ที่เป็นเสียงผ่านเว็บไซต์ ได้ทุกที่ทุกเวลาและร่วมกันทำกิจกรรมที่ดีอื่นร่วมกัน
สรุป:เทคโนโลยีดังกล่าวถูกออกแบบเพื่อให้มีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยให้ผู้พิการทางสายตานั้นได้มีชีวิตประจำวันที่ สามารถรับรู้ ค้นหาข้อมูลต่างๆ ได้อย่างจัดเจนมากที่สุด
ที่มา:http://www.vcharkarn.com/project/view/651
โดย:สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า ฯ เจ้าคุณทหารลาดกระบัง ปริญญาตรี คอมพิวเตอร์
บทคัดย่อ: เทคโนโลยีที่ถูกออกแบบมาเพื่อผู้พิการทางสายตา มีมากในปัจจุบัน เช่น Text to-Speech และSpeech Recognition เป็นต้น เทคโนโลยีดังกล่าวถูกออกแบบเพื่อให้มีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยให้ผู้พิการทางสายตานั้นได้มีชีวิตประจำวันที่ สามารถรับรู้ ค้นหาข้อมูลต่างๆ หากแต่ข้อมูลหรือความรู้ที่มีในปัจจุบัน ซึ่งพบใน Internet ส่วนมาก ยังคงเป็นข้อความ โครงการนี้ จึงพัฒนา ระบบการสร้างหนังสือเสียงออนไลน์Web-Based Sound Information
โครงงานนี้เป็นการนำเทคโนโลยี Web 2.0 และ Social Web มาสร้างระบบ Blog ที่ผู้ใช้งานแม้เป็นผู้พิการทางสายตาก็สามารถใช้งานได้ และระบบภราดรโซไซตี้ยังสร้าง Evolunteer เพื่อร่วมกันสร้างหนังสือเสียง โดยใช้เทคโนโลยี Applet ที่ใช้สามารถใช้งบันทึกเสียงความรู้ที่เป็นเสียงผ่านเว็บไซต์ ได้ทุกที่ทุกเวลาและร่วมกันทำกิจกรรมที่ดีอื่นร่วมกัน
สรุป:เทคโนโลยีดังกล่าวถูกออกแบบเพื่อให้มีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยให้ผู้พิการทางสายตานั้นได้มีชีวิตประจำวันที่ สามารถรับรู้ ค้นหาข้อมูลต่างๆ ได้อย่างจัดเจนมากที่สุด
ที่มา:http://www.vcharkarn.com/project/view/651
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)