พรบ.คอมพิวเตอร์
- เว็บไซต์ พรบ.คอมพิวเตอร์ ปี 2550
http://www.amnathos.go.th/row.html
- เว็บไซต์ พรบ.คอมพิวเตอร์ ปี 2558
http://www.slideshare.net/LittleOrawee/2558-51792864
วันพฤหัสบดีที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559
วันอังคารที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2558
วันพฤหัสบดีที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2558
อาชีพของเทคโนโลยี่สารสนเทศ
อาชีพโปรแกรมเมอร์
อาชีพโปรแกรมเมอร์
ลักษณะการทำงานของนักโปรแกรมเมอร์โปรแกรมเมอร์ จะทำหน้าที่ นำข้อมูลการออกแบบรายละเอียดการวางโครงสร้างระบบคอมพิวเตอร์ จากนักวิเคราะห์ระบบงาน มาเขียนเป็นโปรแกรมต่าง ๆ ภาษาที่ใช้ในการเขียนโปรแกรมจะแตกต่างกันไปตามลักษณะเครื่องของระบบฐานข้อมูล ทดสอบระบบและส่งให้นักวิเคราะห์ระบบทำการตรวจสอบอีกครั้งเพื่อหากจุดบกพร่องและแก้ไขก่อนนำไปใช้จริง
โปรแกรมเมอร์ยังต้องทำหน้าที่ รับรายละเอียดของความต้องการของผู้ใช้ระบบ (User) จากนักวิเคราะห์ระบบ (System Analyst) จัดทำแผนภูมิ (Flowchart) ขั้นตอนการทำงานที่ละเอียด และถูกต้องตามหลักวิชา เพื่อประโยชน์ในการเขียนโปรแกรมสำหรับการประมวลผลด้วยคอมพิวเตอร์ วิเคราะห์แผนภูมิหรือแผนผังสายงาน แต่เพียงบางส่วนหรือทั้งหมด
คุณสมบัติที่จำเป็นในการเป็นโปรแกรมเมอร์
• มีความรู้ทางด้านคอมพิวเตอร์ซึ่งสามารถเข้ารับศึกษาได้ในสถานบันการศึกษาที่เรียนทำการสอนหรือสำเร็จการศึกษาปริญญาตรีทางด้านคอมพิวเตอร์
• มีทักษะในการการเขียนภาษาคอมพิวเตอร์
• มีความคิดสร้างสรรค์สามารถประยุกต์และดัดแปลงความรู้ความสามารถทางด้านโปรแกรมคอมพิวเตอร์ได้เป็นอย่างดี
ความก้าวหน้าในการประกอบอาชีพ
โปรแกรมเมอร์ยังต้องทำหน้าที่ รับรายละเอียดของความต้องการของผู้ใช้ระบบ (User) จากนักวิเคราะห์ระบบ (System Analyst) จัดทำแผนภูมิ (Flowchart) ขั้นตอนการทำงานที่ละเอียด และถูกต้องตามหลักวิชา เพื่อประโยชน์ในการเขียนโปรแกรมสำหรับการประมวลผลด้วยคอมพิวเตอร์ วิเคราะห์แผนภูมิหรือแผนผังสายงาน แต่เพียงบางส่วนหรือทั้งหมด
คุณสมบัติที่จำเป็นในการเป็นโปรแกรมเมอร์
• มีความรู้ทางด้านคอมพิวเตอร์ซึ่งสามารถเข้ารับศึกษาได้ในสถานบันการศึกษาที่เรียนทำการสอนหรือสำเร็จการศึกษาปริญญาตรีทางด้านคอมพิวเตอร์
• มีทักษะในการการเขียนภาษาคอมพิวเตอร์
• มีความคิดสร้างสรรค์สามารถประยุกต์และดัดแปลงความรู้ความสามารถทางด้านโปรแกรมคอมพิวเตอร์ได้เป็นอย่างดี
ความก้าวหน้าในการประกอบอาชีพ

อาชีพ Hacker
เรายังสับสนกับความหมายของคำว่า Hacker และ Cracker กันอยู่ บางคนใช้คำสองคำนี้สลับกัน
Hacker คือบุคคลที่มีความสนใจความลึกลับซับซ้อนในการทำงานของระบบปฏิบัติการของคอมพิวเตอร์
แคร็กเกอร์ คือบุคคลที่บุกรุกเข้าไปยังระบบที่เป็นรีโมทแมชชีน และทำลายข้อมูลที่สำคัญ ปฏิเสธการใช้งานทุกอย่างที่ถูกกฎหมายทั้งหมด
ก่อนอื่นต้องขอทำความเข้าใจก่อนว่า ผมไม่ได้เป็นแฮกเกอร์ และไม่ได้สนับสนุนให้คุณเป็นแฮกเกอร์ด้วย บทความนี้เป็นการนำเสนอข้อมูลให้อ่านเพื่อเป็นความรู้และความบันเทิงเท่านั้น
ความจริงเรายังสับสนกับความหมายของคำว่า Hacker และ Cracker กันอยู่ บางคนใช้คำสองคำนี้สลับกัน ดังนั้นผมจึงขอทำความเข้าใจกับผู้อ่านก่อนว่า Hacker คือบุคคลที่มีความสนใจความลึกลับซับซ้อนในการทำงานของระบบปฏิบัติการของคอมพิวเตอร์ แฮกเกอร์ส่วนใหญ่จะเป็นโปรแกรมเมอร์ที่มีความรู้เกี่ยวกับระบบปฏิบัติการเป็นอย่างดี
แฮกเกอร์มักจะค้นหาช่องโหว่ของระบบและนำความรู้ที่ทราบมาเปิดเผยให้ทราบ เพื่อจะได้มีการแก้ไข และที่สำคัญแฮกเกอร์จะไม่ทำลายข้อมูลหรือระบบอย่างจงใจ
แคร็กเกอร์ คือบุคคลที่บุกรุกเข้าไปยังระบบที่เป็นรีโมทแมชชีน และทำลายข้อมูลที่สำคัญ ปฏิเสธการใช้งานทุกอย่างที่ถูกกฎหมายทั้งหมด แคร็กเกอร์ส่วนใหญ่จะถูกค้นพบได้ เนื่องจากการกระทำที่ทำให้เกิดความเสียหายดังกล่าว ทำให้ต้องถูกตามล่า
บัญญัติ 12 ประการสำหรับแฮกเกอร์
1. จงอย่าทำลายข้อมูลใด ๆ ของระบบด้วยความจงใจ
2. จงอย่าพยายามเปลี่ยนแปลงไฟล์ใด ๆ ของระบบ นอกเสียจากว่าจำเป็นต้องทำ เพื่อไม่ให้ถูกแกะรอย หรือเพื่อให้สามารถกลับมาในระบบได้อีกครั้ง
3. จงอย่าทิ้งชื่อจริง หมายเลขโทรศัพท์ไว้บนระบบที่คุณแอบเข้าไป เพราะข้อมูลเหล่านี้จะนำมาซึ่งความไม่ปลอดภัย
4. พึงระวังในการแชร์ข้อมูลกับคนที่คุณไม่รู้จักอย่างแท้จริง ไม่รู้ชื่อ หมายเลขโทรศัพท์ และ อาชีพ
5. อย่าบอกหมายเลขโทรศัพท์ของคุณให้ใครทราบ
6. จงอย่าพยายามแฮกเช้าไปในระบบคอมพิวเตอร์ของรัฐ เนื่องจากระบบเหล่านี้มักมีระบบรักษาความปลอดภัยสูงอยู่แล้ว นอกจากนี้คุณจะถูกตามล่าจนได้ ต่างจากระบบของเอกชนที่มักคำนึงถึงผลกำไรและค่าใช้จ่ายในการตามล่า ถ้าคุณไม่ได้เข้าไปทำลายข้อมูลที่สำคัญแล้ว เขาก็มักไม่เสียเวลามาตามล่าคุณ
7. ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้โค้ดหรือรหัสใด ๆ ที่ยาวเกินความจำเป็น
8. จงอย่าตั้งอยู่ในความไม่ประมาท ข้อมูลใด ๆ ที่เก็บอยู่บนฮาร์ดดิสก์ให้พยายามเข้ารหัสเอาไว้เสมอ เพราะถ้าถูกจับจะไม่มีเวลาทำ พยายามซ้อนโน้ตต่าง ๆ ที่จดไว้ในที่ ๆ ปลอดภัย
9. พึ่งระมัดระวังการโพสต์ข้อมูลหรือข่าวบนกระดานข่าว ปกติแล้วแฮกเกอร์มืออาชีพจะไม่โพสต์ข้อมูลใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับระบบที่เขาใช้งานอยู่ หรือถ้าจะโพสต์ก็มักไม่ระบุชัดเจน ส่วนใหญ่เป็นข้อความทั่ว ๆ ไปมากกว่า
10. อย่าที่จะถามคำถามกับแฮกเกอร์ที่มีประสบการณ์มากกว่า แต่ก็อย่าหวังว่าจะมีคนตอบคำถามให้คุณทั้งหมด
11. จงแฮก เริ่มต้นทำ อ่านข้อมูลใด ๆ ก็ได้ที่สนใจ
12. กรณีที่ถูกจับ ขอให้ปิดปากเงียบไว้ก่อน และรีบติดต่อทนาย
แคร็กเกอร์ คือบุคคลที่บุกรุกเข้าไปยังระบบที่เป็นรีโมทแมชชีน และทำลายข้อมูลที่สำคัญ ปฏิเสธการใช้งานทุกอย่างที่ถูกกฎหมายทั้งหมด
ก่อนอื่นต้องขอทำความเข้าใจก่อนว่า ผมไม่ได้เป็นแฮกเกอร์ และไม่ได้สนับสนุนให้คุณเป็นแฮกเกอร์ด้วย บทความนี้เป็นการนำเสนอข้อมูลให้อ่านเพื่อเป็นความรู้และความบันเทิงเท่านั้น
ความจริงเรายังสับสนกับความหมายของคำว่า Hacker และ Cracker กันอยู่ บางคนใช้คำสองคำนี้สลับกัน ดังนั้นผมจึงขอทำความเข้าใจกับผู้อ่านก่อนว่า Hacker คือบุคคลที่มีความสนใจความลึกลับซับซ้อนในการทำงานของระบบปฏิบัติการของคอมพิวเตอร์ แฮกเกอร์ส่วนใหญ่จะเป็นโปรแกรมเมอร์ที่มีความรู้เกี่ยวกับระบบปฏิบัติการเป็นอย่างดี
แฮกเกอร์มักจะค้นหาช่องโหว่ของระบบและนำความรู้ที่ทราบมาเปิดเผยให้ทราบ เพื่อจะได้มีการแก้ไข และที่สำคัญแฮกเกอร์จะไม่ทำลายข้อมูลหรือระบบอย่างจงใจ
แคร็กเกอร์ คือบุคคลที่บุกรุกเข้าไปยังระบบที่เป็นรีโมทแมชชีน และทำลายข้อมูลที่สำคัญ ปฏิเสธการใช้งานทุกอย่างที่ถูกกฎหมายทั้งหมด แคร็กเกอร์ส่วนใหญ่จะถูกค้นพบได้ เนื่องจากการกระทำที่ทำให้เกิดความเสียหายดังกล่าว ทำให้ต้องถูกตามล่า
บัญญัติ 12 ประการสำหรับแฮกเกอร์
1. จงอย่าทำลายข้อมูลใด ๆ ของระบบด้วยความจงใจ
2. จงอย่าพยายามเปลี่ยนแปลงไฟล์ใด ๆ ของระบบ นอกเสียจากว่าจำเป็นต้องทำ เพื่อไม่ให้ถูกแกะรอย หรือเพื่อให้สามารถกลับมาในระบบได้อีกครั้ง
3. จงอย่าทิ้งชื่อจริง หมายเลขโทรศัพท์ไว้บนระบบที่คุณแอบเข้าไป เพราะข้อมูลเหล่านี้จะนำมาซึ่งความไม่ปลอดภัย
4. พึงระวังในการแชร์ข้อมูลกับคนที่คุณไม่รู้จักอย่างแท้จริง ไม่รู้ชื่อ หมายเลขโทรศัพท์ และ อาชีพ
5. อย่าบอกหมายเลขโทรศัพท์ของคุณให้ใครทราบ
6. จงอย่าพยายามแฮกเช้าไปในระบบคอมพิวเตอร์ของรัฐ เนื่องจากระบบเหล่านี้มักมีระบบรักษาความปลอดภัยสูงอยู่แล้ว นอกจากนี้คุณจะถูกตามล่าจนได้ ต่างจากระบบของเอกชนที่มักคำนึงถึงผลกำไรและค่าใช้จ่ายในการตามล่า ถ้าคุณไม่ได้เข้าไปทำลายข้อมูลที่สำคัญแล้ว เขาก็มักไม่เสียเวลามาตามล่าคุณ
7. ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้โค้ดหรือรหัสใด ๆ ที่ยาวเกินความจำเป็น
8. จงอย่าตั้งอยู่ในความไม่ประมาท ข้อมูลใด ๆ ที่เก็บอยู่บนฮาร์ดดิสก์ให้พยายามเข้ารหัสเอาไว้เสมอ เพราะถ้าถูกจับจะไม่มีเวลาทำ พยายามซ้อนโน้ตต่าง ๆ ที่จดไว้ในที่ ๆ ปลอดภัย
9. พึ่งระมัดระวังการโพสต์ข้อมูลหรือข่าวบนกระดานข่าว ปกติแล้วแฮกเกอร์มืออาชีพจะไม่โพสต์ข้อมูลใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับระบบที่เขาใช้งานอยู่ หรือถ้าจะโพสต์ก็มักไม่ระบุชัดเจน ส่วนใหญ่เป็นข้อความทั่ว ๆ ไปมากกว่า
10. อย่าที่จะถามคำถามกับแฮกเกอร์ที่มีประสบการณ์มากกว่า แต่ก็อย่าหวังว่าจะมีคนตอบคำถามให้คุณทั้งหมด
11. จงแฮก เริ่มต้นทำ อ่านข้อมูลใด ๆ ก็ได้ที่สนใจ
12. กรณีที่ถูกจับ ขอให้ปิดปากเงียบไว้ก่อน และรีบติดต่อทนาย
วันพฤหัสบดีที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558
ผลกระทบของไอทีด้านบวกด้านลบ
โรคโนโมโฟเบีย หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า โรคติดโทรศัพท์มือถือ พฤติกรรมของโรคติดโทรศัพท์1.) ตื่นนอนขึ้นมาสิ่งแรกที่คุณหาคือ โทรศัพท์2.) เมื่อคุณอาบน้ำคุณต้องเอาโทรศัพท์เข้าไปด้วยอาจจะไปฟังเพลงหรือกดเล่น3.) เมื่ออาบน้ำเสร็จระหว่างการทำการแต่งตัวหรือทำธุรกิจส่วนตัวต่างๆคุณมักจะวางโทรศัพท์ไว้ข้างๆ และเปิดเพลงฟังด้วย4.) ในขณะทำงานคุณต้องมีโทรศัพท์อยู่ใกล้ๆมือเสมอ5.) ตลอดทั้งวันโทรศัพท์ไม่เคยที่จะห่างตัวเลย6.) เมื่อคุณขึ้นรถคุณต้องเอาโทรศัพท์ขึ้นมาถือไว้หรือเอาออกมาวางให้เห็นหรือกดเล่น7.) คุณมักจะเอาโทรศัพท์มากดเล่นๆ เมื่อว่างจะดูรูปภาพ ถ่ายรูป ฟังเพลง เล่นเกมส์8.) เวลาคุณนอนต้องเอาโทรศัพท์ไว้ใกล้ตัวก่อนนอน หรือเล่นโทรศัพท์จนนอนหลับไป9.) ตลอดทั้งวันเวลาไปไหนคุณต้องหยิบโทรศัพท์ติดตัวไปด้วยเสมอ10.) ชอบมองโทรศัพท์บ่อยๆ
วิธีป้องกัน
วิธีป้องกัน
- อยู่กับปัจจุบัน อย่าพยายามทำอะไรหลายอย่างพร้อมกัน ในขณะที่คุณอยู่ในที่ประชุมหรือมีการสนทนากับผู้อื่น และในทุกที่ที่คุณคิดว่าคุณมีส่วนร่วมอยู่ด้วยแม้คุณจะเป็นเพียงแค่ผู้ฟังก็ตาม คุณไม่จำเป็นจะต้องคอยเช็คโทรศัพท์มือถือทุกครั้งที่มีคนส่งข้อความ บางครั้งการเปิด airplane mode หรือการปิดโทรศัพท์ไปเลย อาจเป็นทางออกที่ดีที่สุด
- หามุมส่วนตัว หากคุณต้องการจะคุยโทรศัพท์ในเรื่องส่วนตัวกับใครก็ควรจะหามุมสงบที่เป็นส่วนตัวจะดีกว่า
- มีสติและใจเย็น หากคุณอยู่ในที่สาธารณะและจำเป็นต้องรับโทรศัพท์หากบทสนทนามีแนวโน้มที่จะใช้อารมณ์ในการพูดคุยคุณควรใช้สติและใจเย็นๆ อย่าแสดงอารมณ์โกรธเพราะมันไม่เป็นผลดีกับตัวคุณเองและอาจเป็นการรบกวนผู้อื่นอีกด้วย
- เปิดโทรศัพท์เป็นระบบสั่น หรือปิดเสียงไปเลยเมื่อคุณต้องเข้าร่วมการประชุมหรืออยู่ในสถานที่สำคัญต่างๆเช่น วัด โรงเรียน โรงหนัง เพื่อไม่เป็นการรบกวนผู้อื่น
- หลีกเลี่ยงการตะโกน ควรใช้โทนเสียงปกติเมื่อคุณคุยโทรศัพท์ ผู้คนมักจะพูดเสียงดังกว่าปกติและมักจะไม่รู้ตัวซะด้วยว่าสร้างความรำคาญให้ผู้อื่น
- หลบไปคุยที่อื่น ในขณะที่คุณรับประทานอาหารหรืออยู่ในที่ประชุมและจำเป็นต้องรับโทรศัพท์ควรบอกกล่าวให้คนบนโต๊ะทราบก่อนจะลุกออกไปคุยที่อื่น แต่ทางที่ดีคุณควรให้ความสำคัญกับคนที่อยู่ตรงหน้าก่อนเป็นอันดับแรก
- รับผิดชอบต่อการขับขี่รถยนต์ ไม่ควรรับโทรศัพท์หรือส่งข้อความขณะขับรถ ควรใช้แฮนด์ฟรีเสมอคุณจะได้มีสมาธิในการขับขี่เพื่อความปลอดภัยของตัวคุณเองและผู้อื่นบนท้องถนนด้วย
- เก็บให้พ้นมือบ้าง เมื่อคุณต้องใช้เวลาอันมีค่ากับครอบครัวหรือเพื่อนฝูงบ้างควรเก็บโทรศัพท์ของคุณไว้ให้ห่างตัวบ้างและพยายามไม่ตรวจเช็คโทรศัพท์เกิน 2-3 ครั้งต่อวัน
วันศุกร์ที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2558
โครงงานเรื่อง อุทยานเขาแหลมหญ้า
โครงงานเรื่อง อุทยานเขาแหลมหญ้า
http://khaoleamya.blogspot.com/
ประโยชน์ที่ได้รับจากการทำโครงงาน
- ได้รับความรู้เกี่ยวกับอุทยานเขาแหลมหญ้า
- ได้ชมบรรยากาศที่อุทยานเขาแหลมหญ้า
- รวมถึงได้รับความบันเทิงต่างๆในขนาดดูคลิปวีดีโอ
- ได้รู้ชื่อเกี่ยวกับพันธ์ไม้หรือต้นไม้ที่อุทยาน
- ได้ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์
วันศุกร์ที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2558
วันศุกร์ที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2558
ขั้นตอนการทำโครงงานคอมพิวเตอร์
ขั้นตอนการทำโครงงานคอมพิวเตอร์
โครงงานคอมพิวเตอร์เป็นกิจกรรมที่ต้องทำอย่างต่อเนื่องหลายขั้นตอน และแต่ละขั้นตอนจะมีความสำคัญต่อโครงงานนั้น ๆ การแบ่งขั้นตอนของการทำโครงงานอาจแตกต่างกัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับลักษณะของโครงงานและการวางแผนการทำโครงงานในที่นี้จะบ่งการทำงานออกเป็น 6 ขั้นตอนดังนี้
1. การคัดเลือกหัวข้อโครงงานที่สนใจทำ
โดยทั่วไปเรื่องที่จะนำมาพัฒนาเป็นโครงงานคอมพิวเตอร์ มักจะได้มาจากปัญหา คำถาม หรือความสนใจในเรื่องต่าง ๆ จากการสังเกตสิ่งต่าง ๆ รอบตัว นักเรียนสามารถจะศึกษาการได้มาของเรื่องที่จะทำโครงงาน การอ่านค้นคว้า การไปเยี่ยมชมสถานที่ต่าง ๆ การฟังบรรยาย รายการวิทยุโทรทัศน์ สนทนาอภิปราย กิจกรรมการเรียนการสอน งานอดิเรก การเข้าชมงานนิทรรศการหรืองานประกวดโครงงานคอมพิวเตอร์ ในการตัดสินใจเลือกหัวข้อที่จะนำมาพัฒนาโครงงานคอมพิวเตอร์ ควรพิจารณาองค์ประกอบสำคัญดังนี้
โดยทั่วไปเรื่องที่จะนำมาพัฒนาเป็นโครงงานคอมพิวเตอร์ มักจะได้มาจากปัญหา คำถาม หรือความสนใจในเรื่องต่าง ๆ จากการสังเกตสิ่งต่าง ๆ รอบตัว นักเรียนสามารถจะศึกษาการได้มาของเรื่องที่จะทำโครงงาน การอ่านค้นคว้า การไปเยี่ยมชมสถานที่ต่าง ๆ การฟังบรรยาย รายการวิทยุโทรทัศน์ สนทนาอภิปราย กิจกรรมการเรียนการสอน งานอดิเรก การเข้าชมงานนิทรรศการหรืองานประกวดโครงงานคอมพิวเตอร์ ในการตัดสินใจเลือกหัวข้อที่จะนำมาพัฒนาโครงงานคอมพิวเตอร์ ควรพิจารณาองค์ประกอบสำคัญดังนี้
– จะต้องมีความรู้และทักษะพื้นฐานอย่างเพียงพอในหัวข้อเรื่องที่จะศึกษา
– สามารถจัดหาเครื่องคอมพิวเตอร์และซอฟต์แวร์ที่เกี่ยวข้องได้
– มีแหล่งความรู้เพียงพอที่จะค้นคว้าหรือขอคำปรึกษา
– มีเวลาเพียงพอ
– มีงบประมาณเพียงพอ
– มีความปลอดภัย
– สามารถจัดหาเครื่องคอมพิวเตอร์และซอฟต์แวร์ที่เกี่ยวข้องได้
– มีแหล่งความรู้เพียงพอที่จะค้นคว้าหรือขอคำปรึกษา
– มีเวลาเพียงพอ
– มีงบประมาณเพียงพอ
– มีความปลอดภัย
2. ศึกษาค้นคว้าจากเอกสารและแหล่งข้อมูล
รวมถึงการขอคำปรึกษาจากผู้ทรงคุณวุฒิช่วยจะช่วยให้นักเรียนได้แนวคิดที่ใช้ในการกำหนดของเขตของเรื่องที่จะศึกษาได้เฉพาะเจาะจงมากยิ่งขึ้น รวมทั้งความรู้เพิ่มเติมในเรื่งที่จะศึกษาจนสามารถใช้ออกแบบและวางแผนดำเนินการทำโครงงานนั้นได้อย่างเหมาะสมในการศึกษาค้นคว้าดังกล่าว นักเรียนจะต้องบันทึกสรุปสาระสำคัญไว้ด้วย
จะต้องพิจารณาดังนี้ มูลเหตุจูงใจและเป้าหมายในการทำ วัสดุอุปกรณ์ ความต้องการของผู้ใช้งานและคุณลักษณะของผลงาน (Requirement and Specification) วิธีการประเมินผล วิธีการพัฒนา ข้อสรุปของโครงงาน ความแปลกใหม่ ความคิดสร้างสรรค์ แนวทางในการปรับปรุงหรือขยายการทดลองจากงานเดิม
รวมถึงการขอคำปรึกษาจากผู้ทรงคุณวุฒิช่วยจะช่วยให้นักเรียนได้แนวคิดที่ใช้ในการกำหนดของเขตของเรื่องที่จะศึกษาได้เฉพาะเจาะจงมากยิ่งขึ้น รวมทั้งความรู้เพิ่มเติมในเรื่งที่จะศึกษาจนสามารถใช้ออกแบบและวางแผนดำเนินการทำโครงงานนั้นได้อย่างเหมาะสมในการศึกษาค้นคว้าดังกล่าว นักเรียนจะต้องบันทึกสรุปสาระสำคัญไว้ด้วย
จะต้องพิจารณาดังนี้ มูลเหตุจูงใจและเป้าหมายในการทำ วัสดุอุปกรณ์ ความต้องการของผู้ใช้งานและคุณลักษณะของผลงาน (Requirement and Specification) วิธีการประเมินผล วิธีการพัฒนา ข้อสรุปของโครงงาน ความแปลกใหม่ ความคิดสร้างสรรค์ แนวทางในการปรับปรุงหรือขยายการทดลองจากงานเดิม
3. การจัดทำเค้าโครงของโครงงานที่จะทำ จำเป็นต้องกำหนดกรอบแนวคิดและวงแผนการพัฒนาล่วงหน้าเพื่อคาดการณ์ความเป็นไปได้ของโครงงาน ขั้นตอนที่สำคัญคือ ศึกษาค้นคว้าเอกสาร วิเคราะห์ข้อมูล ออกแบบการพัฒนา เสนอเค้าโครงของโครงงานต่ออาจารย์ที่ปรึกษา เพื่อขอคำแนะนำและปรับปรุงแก้ไข
4. การลงมือทำโครงงาน เมื่อเค้าโครงได้รับความเห็นชอบจากอาจารย์ที่ปรึกษาแล้ว ขั้นตอนต่อไปจะเป็นการพัฒนาตามขั้นตอนที่ได้วางแผนไว้ดังนี้ เตรียมการ ลงมือพัฒนา ตรวจสอบผลงานและแกไข อภิปรายผลและข้อเสนอแนะ แนวทางในการพัฒนาโครงงานในอนาคต
5. การเขียนรายงาน เป็นสื่อความหมายเพื่อให้ผู้อื่นได้เข้าใจแนวความคิด วิธีดำเนินการศึกษาค้นคว้า ข้อมูลที่ได้ ตลอดจนข้อสรุปและข้อเสนอแนะต่าง ๆ เกี่ยวกับโครงงานนั้น ในการเขียนควรใช้ภาษาที่อ่านเข้าใจได้ง่าย ชัดเจน กระชับ และตรงไปตรงมาให้ครอบคลุมหัวข้อต่าง ๆ
6. การนำเสนอและการแสดงผลงานของโครงงาน เป็นการนำเสนอเพื่อแสดงออกถึงผลิตผลของความคิด ความพยายามในการทำงานที่ผู้ทำโครงงานได้ทุ่มเท และเป็นวิธีที่ให้ผู้อื่นได้รับรู้และเข้าใจในโครงงานนั้น ในการเสนออาจทำได้หลายรูปแบบ เช่น ติดโปสเตอร์ การรายงานตัวในที่ประชุม การแสดงผลงานด้วยสื่อต่าง การจัดนิทรรศการ การอธิบายด้วยคำพูด
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)